Description
เคลมประกันโควิดเป็นปัญหาที่ผู้ซื้อประกันจากหลายบริษัทกำลังประสบปัญหาการขอรับเงินชดเชยล่าช้า บางรายถูกปฏิเสธ และบางรายถูกยื้อประวิงเวลาด้วยข้อจำกัดของเอกสารประกอบต่างๆ
โดยล่าสุดปัญหาของบริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) ที่ไม่สามารถประกอบธุรกิจประกันภัยได้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดย นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. แจ้งว่า มติบอร์ด คปภ. ครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 ได้มีมติเห็นชอบให้บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ห้ามเคลื่อนย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สิน และให้บริษัทเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาฐานะการเงินและการดำเนินงาน ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2564 เป็นต้นไป เพราะมีฐานะการเงินไม่มั่นคง หนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน มีสภาพคล่องไม่เพียงพอสำหรับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
ซึ่งย้อนแย้งกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวลือหนักในโลกออนไลน์ว่ามีบริษัทประกันภัยประสบปัญหาทางการเงิน ไม่สามารถจ่ายเงินชดเชยให้ผู้ซื้อประกันโควิดได้ และมีการเลิกจ้างพนักงานด้วย ซึ่งในเวลาต่อมา ก็มีบริษัท เอเชีย ออกมายืนยันว่า บริษัทมีแนวทางดูแลลูกค้ากรมธรรม์ประกันภัยทุกประเภทอย่างเป็นธรรม ไม่ได้มีปัญหาและไม่ประวิงจ่ายสินไหม โดยเฉพาะประกันภัยโควิด ตามแนวทางของคปภ.
ส่วน คปภ. โดย นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. ระบุว่า พร้อมเข้าตรวจสอบและควบคุมเพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนแล้ว ดังนั้น ขอให้ประชาชนที่ซื้อประกันภัย ไม่ว่าจะบริษัทใด ไม่ต้องกังวล หากต้องการเคลมไม่ว่าจะเป็นประกันภัยโควิด หรือประกันภัยประเภทอื่น ยังสามารถยื่นเคลมกับบริษัทที่ซื้อไว้ทุกแห่งได้ตามปกติ
แต่หลังจากนั้นไม่นาน บริษัท เอเชียประกันภัย ถูกสั่งหยุดรับประกัน และทาง คปภ.เข้ามา ควบคุมการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรมและเป็นไปตามกำหนดนัดที่บริษัทได้แจ้งไว้กับผู้เอาประกันภัยด้วย แต่ก็ยังติดขัดที่ไม่สามารถจัดการการจ่ายเงินและดูแลลูกค้าได้ จึงมองว่าในเรื่องนี้เป็นปัญหาของการประกอบธุรกิจ และการกำกับดูแล คปภ. ที่ไม่คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชน สะท้อนให้เห็นถึงความไม่จริงใจและไม่โปร่งใสนั่นเอง
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค ให้ข้อคิดเห็นไว้ว่าในประเด็นของการชดเชยเงินเคลมประกันให้กับประชาชนนั้น อยากให้มองไปที่ เงินกองทุน ที่ คปภ. ให้บริษัทประกันจ่ายเข้ากองทุน แต่ไม่สามารถเอามาใช้สำรองจ่ายเพื่อดูแลผู้บริโภคได้เลย เมื่อเกิดวิกฤติที่บริษัทประกันจ่ายเงินล่าช้า ต้องรอให้บริษัทเลิกกิจการก่อน จึงจะมาดูแลผู้บริโภค ซึ่งอาจสายเกินไป เพราะหากบริษัทโดนผู้บริโภคฟ้อง และรู้ตัวว่าไม่มีทางจ่ายไหว ก็จะชิ่งไปล้มละลาย และให้ผู้บริโภคไปขอรับชำระหนี้ เกิดความยุ่งยากตามมา
ปัจจุบันมีบางบริษัทมีปัญหาทางการเงิน และมีผู้บริโภคที่ซื้อประกันยังไม่ได้รับเงิน คปภ.จึงควรทบทวนหลักเกณฑ์การจ่ายเงินกองทุน ให้สามารถดูแลผู้บริโภคได้จริง เมื่อบริษัทประกันเกิดวิกฤตการเงิน โดยอย่างกรณีที่ คปภ. เข้าไปคุมบริษัทเอเชีย
ตอนนี้สภาองค์กรของผู้บริโภค ก็พบว่า มีผู้บริโภคจำนวนมากถูกผิดนัดวันโอนเงิน เลื่อนไปเรื่อยๆ จนไม่รู้จะได้เงินเมื่อไร ซึ่ง คปภ. ก็ควรลงโทษบริษัทเหล่านี้ตามกฎหมายด้วย นอกจากนี้ คปภ. ควรใช้อำนาจเข้าควบคุม บริษทเดอะวัน ประกันภัยด้วย เนื่องจากมีพฤติการณ์จ่ายค่าสินไหมล่าช้า เช่นเดียวกับ บ.เอเชียประกันภัย
จากข้อมูลสถิติจาก คปภ. ตั้งแต่ปี 2563 ถึงเดือนสิงหาคม 2564 พบว่ามียอดกรมธรรม์สะสมสูงถึง 39.86 ล้านฉบับ เบี้ยประกันภัยสะสม11,250 ล้านบาท ขณะที่มียอดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนสะสมถึง 9,428.63 ล้านบาท ปัจจุบันมีบริษัทประกันภัยยื่นขอแบบประกันโควิด 35 บริษัท แต่เปิดขายจริง 23 บริษัท แยกเป็นบริษัทประกันวินาศภัย 16 บริษัท และบริษัทประกันชีวิต 7 บริษัท
นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย สะท้อนไว้ว่า ข้อมูลใน 6 เดือนแรกปีนี้มียอดเคลมแล้วกว่า 1,700 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้วทั้งปีที่เคลมไม่ถึงร้อยล้าน ส่งผลให้บริษัทประกันตอนนี้เริ่มขาดทุนจากการเปิดรับประกันโควิด เพราะหากนับเฉพาะเบี้ยที่รับรู้รายได้จริงๆช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. มีเบี้ยรับจริงเพียง 800 ล้านบาท ต่ำกว่ายอดเคลมที่สูงเกินเท่าตัว สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทประกันภัยหลายแห่งต้องประกาศหยุดรับประกันโควิดเพราะกลัวเจ๊ง
ขณะที่นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า คปภ.ได้ออกคำสั่งเพิ่มเติมเพื่อแก้ปัญหาการเคลมล่าช้า มีผลตั้งแต่ 1 กันยายน 2564 ที่ผ่านมายอมรับว่ายอดเคลมเข้ามามากวันหนึ่งนับพันราย ทำให้มีปัญหาดำเนินการ แต่ คปภ.พยายามเข้าอุดรอยรั่วเพื่อดูแลประชาชน โดยยืนยันว่าภาพรวมบริษัทประกันภัยยังแข็งแกร่ง และไม่พบความเสี่ยงในเชิงระบบ

Reviews
There are no reviews yet.